สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาเล่าประสบการณ์ตรงที่ได้ลองใช้ Palfish Thailand ดูเผื่อใครกำลังสนใจอยู่ จะได้เห็นภาพว่ามันเป็นยังไงบ้าง จากที่ผมลองผิดลองถูกมาด้วยตัวเองเลยนะ
จุดเริ่มต้นที่ทำให้ลอง Palfish
คือเรื่องมันเริ่มจากลูกผมเนี่ยแหละครับ เริ่มโตแล้วก็อยากให้แกได้ภาษาอังกฤษติดตัวบ้าง เพื่อนที่ทำงานก็แนะนำมาหลายเจ้าเลย แต่ไอ้ Palfish เนี่ยเห็นคนพูดถึงในกลุ่มผู้ปกครองบ่อยๆ ว่าเออ มันสะดวกดีนะ เรียนที่บ้านได้เลย ไม่ต้องเสียเวลาเดินทาง ผมก็เลยแบบ อะ ลองดูซักตั้งจะเป็นไรไป
ขั้นตอนการสมัครและลองใช้งานครั้งแรก
ผมก็เริ่มจากไปโหลดแอปพลิเคชัน Palfish มาติดตั้งในแท็บเล็ตของลูกก่อนเลย หน้าตาแอปก็ดูใช้ง่ายดีนะ สีสันสดใส เด็กๆ น่าจะชอบ จากนั้นก็ถึงขั้นตอนการสมัครสมาชิก อันนี้ก็กรอกข้อมูลทั่วไปครับ ชื่อลูก อายุ ระดับภาษาที่อยากให้เรียน แรกๆ ก็มีงงๆ นิดหน่อยว่าต้องเลือกคอร์สแบบไหน เพราะมันมีให้เลือกเยอะเหมือนกัน แต่ก็ลองจิ้มๆ มั่วๆ ไปก่อน กะว่าเอาแบบทดลองเรียนฟรีก่อนถ้ามี
พอสมัครเสร็จปุ๊บ แอปมันก็จะให้เราเลือกคุณครู โอ้โห! ครูเยอะมากครับ มีทั้งครูเจ้าของภาษา ครูฟิลิปปินส์ โปรไฟล์แต่ละคนก็ดูดี มีวิดีโอแนะนำตัวสั้นๆ ให้ดูด้วย ผมก็ลองเลื่อนๆ ดู หาครูที่ดูใจดี สอนสนุกๆ หน่อย เพราะกลัวลูกจะเบื่อเอา
ประสบการณ์ตอนให้ลูกเรียนจริง
พอได้ครูที่ถูกใจ (หรือคิดว่าถูกใจ) ก็จองเวลาเรียนเลยครับ ครั้งแรกผมเลือกเป็นคลาสสั้นๆ ประมาณ 25 นาที ดูก่อนว่าลูกจะโอเคไหม ถึงเวลาเรียนจริง ลูกผมนั่งหน้าจอแบบตื่นเต้นนิดๆ ครูเขาก็ทักทายมาเป็นภาษาอังกฤษเลย สำเนียงดีมาก ลูกผมแรกๆ ก็มีเขินๆ อายๆ บ้าง แต่ครูเขาก็พยายามชวนคุยเก่งนะ มีใช้รูปภาพประกอบ มีเกมง่ายๆ ให้เล่น ลูกผมก็เริ่มผ่อนคลายขึ้น เริ่มกล้าพูดโต้ตอบบ้าง ถึงจะพูดผิดๆ ถูกๆ ก็ตาม
สิ่งที่ผมสังเกตคือ:
- ความสะดวกสบาย: อันนี้ให้เต็มสิบเลยครับ เรียนที่บ้านได้จริง ไม่ต้องแต่งตัว ไม่ต้องขับรถ แค่เปิดแอปก็เรียนได้แล้ว
- เนื้อหาการสอน: ก็ดูเป็นระบบดีนะ มีบทเรียน มีหัวข้อชัดเจน แต่บางทีก็รู้สึกว่ามันเร็วไปหน่อยสำหรับเด็กเล็กที่เพิ่งเริ่ม
- ครูผู้สอน: อันนี้แล้วแต่ดวงเลยครับ บางคนก็ดีมาก เตรียมตัวมาดี สอนสนุก แต่ก็เคยเจอคนที่เหมือนไม่ค่อยมีพลังงานเท่าไหร่ ลูกผมก็จะดูเนือยๆ ตามไปด้วย
หลังเรียนจบแต่ละครั้ง ก็จะมีรายงานผลสั้นๆ ส่งมาให้ดูว่าลูกเรียนอะไรไปบ้าง ทำได้ดีแค่ไหนตรงไหนต้องปรับปรุง อันนี้ก็ถือว่าโอเคครับ ทำให้เราตามทันว่าลูกเรียนถึงไหนแล้ว
ข้อดีข้อเสียจากที่ลองใช้จริง
ถ้าให้สรุปจากที่ลองมาซักพักนะ ผมว่า Palfish มันก็มีทั้งส่วนที่ดีและส่วนที่อาจจะต้องพิจารณา
ข้อดีที่ชอบเลย:
- สะดวกสุดๆ: อย่างที่บอกไป เรียนได้ทุกที่ทุกเวลาที่มีอินเทอร์เน็ต
- ครูหลากหลาย: มีตัวเลือกครูเยอะ ทำให้เราพอจะหาคนที่สไตล์การสอนเข้ากับลูกเราได้
- กระตุ้นการใช้ภาษา: ลูกได้ฝึกพูดจริงกับเจ้าของภาษาหรือคนที่ใช้ภาษาอังกฤษคล่องๆ มันช่วยเรื่องความกล้าแสดงออกได้ดี
ส่วนที่อาจจะต้องคิดดูหน่อย:
- ราคา: ถ้าเทียบกับการเรียนพิเศษแบบกลุ่มตามสถาบัน บางที Palfish อาจจะดูราคาสูงกว่าหน่อย ยิ่งถ้าเลือกครูเจ้าของภาษาแท้ๆ ก็จะราคาสูงขึ้นไปอีก
- คุณภาพครูไม่แน่นอน: ถึงจะมีโปรไฟล์ให้ดู แต่บางทีก็ต้องลองเรียนดูก่อนถึงจะรู้ว่าเข้ากับลูกเราได้จริงไหม อาจจะต้องเสียเวลาเปลี่ยนครูบ้าง
- ปัญหาทางเทคนิค: นานๆ ทีก็มีบ้างครับ สัญญาณเน็ตครูไม่ดีบ้าง เสียงขาดๆ หายๆ บ้าง แต่ก็ไม่บ่อยเท่าไหร่
- ลูกต้องมีสมาธิ: การเรียนออนไลน์แบบตัวต่อตัว เด็กต้องมีสมาธิจดจ่อพอสมควร ไม่งั้นอาจจะวอกแวกได้ง่ายกว่าเรียนในห้องเรียนจริงๆ
สรุปสุดท้ายจากใจคนเคยลอง
โดยรวมแล้ว ผมว่า Palfish Thailand ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่น่าสนใจนะครับ สำหรับพ่อแม่ที่อยากให้ลูกได้ฝึกภาษาอังกฤษแบบสะดวกๆ ไม่ต้องเดินทาง แต่ก็ต้องเตรียมใจเรื่องค่าใช้จ่ายนิดนึง และอาจจะต้องใช้เวลาในการหาครูที่ใช่สำหรับลูกเราจริงๆ
ถ้าถามว่าแนะนำไหม ผมว่ามันก็เหมาะกับเด็กที่พอมีพื้นฐานมาบ้างแล้ว หรือเด็กที่ค่อนข้างกล้าแสดงออกหน่อย จะได้ประโยชน์เต็มที่ แต่ถ้าลูกใครขี้อายมากๆ หรือสมาธิสั้น อาจจะต้องดูแลใกล้ชิดเป็นพิเศษในช่วงแรกๆ ครับ
ก็ประมาณนี้แหละครับ ประสบการณ์ตรงของผมกับ Palfish Thailand หวังว่าจะเป็นประโยชน์กับคนที่กำลังหาข้อมูลอยู่นะครับ ลองเอาไปพิจารณากันดูครับผม!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments