ประสบการณ์ตรงของผม: การประเมินผลการเรียนภาษาอังกฤษของเจ้าตัวเล็ก
สวัสดีครับทุกคน วันนี้อยากมาแชร์เรื่องที่ผมว่าพ่อแม่หลายคนน่าจะเคยคิด หรือกำลังหาทางอยู่เหมือนกัน นั่นก็คือเรื่อง การประเมินผลการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็ก นี่แหละครับ ตอนลูกผมเริ่มเรียนภาษาอังกฤษใหม่ๆ นะ ผมก็หัวหมุนเลย ไม่รู้จะดูยังไงว่าลูกได้อะไรไปบ้าง เรียนไปแล้วเข้าใจจริงไหม หรือแค่ท่องจำไปวันๆ
ตอนแรกๆ เลยนะ ผมก็พยายามหาข้อมูลนู่นนี่นั่น อ่านตามเว็บ ตามหนังสือ บางที่ก็บอกให้ทดสอบศัพท์ บางที่ก็ให้ดูแกรมมาร์ โอ๊ย ปวดหัว! ผมเลยคิดว่า เอาล่ะ ลองผิดลองถูกด้วยตัวเองนี่แหละดีที่สุด

สิ่งที่ผมเริ่มทำและสังเกตเห็น
ผมเริ่มจากการสังเกตพฤติกรรมลูกเป็นหลักเลยครับ ไม่ได้เน้นทำข้อสอบอะไรจริงจัง เพราะกลัวลูกจะเบื่อซะก่อน
- การตอบสนองต่อคำสั่งง่ายๆ: ผมจะลองพูดเป็นภาษาอังกฤษง่ายๆ เช่น “Sit down, please.”, “Come here.”, “Give me the red ball.” แล้วดูว่าลูกเข้าใจและทำตามได้ไหม แรกๆ ก็อาจจะต้องทำท่าทางประกอบไปด้วย แต่พอผ่านไปสักพัก ถ้าเค้าเริ่มเข้าใจได้โดยไม่ต้องมีท่าทางมากนัก อันนี้ผมถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีมากๆ
- การเรียกชื่อสิ่งของ: เวลาเล่นกัน หรือทำกิจกรรมต่างๆ ผมจะพยายามสอดแทรกคำศัพท์ภาษาอังกฤษเข้าไป เช่น หยิบแอปเปิ้ลขึ้นมา ก็จะพูดว่า “Apple” แล้วก็ยื่นให้เค้า แล้วคอยดูว่าวันหลังๆ พอเราชี้ไปที่แอปเปิ้ล เค้าพยายามจะออกเสียงตาม หรือรู้ว่ามันคืออะไรไหม
- ความสนใจในเพลงหรือการ์ตูนภาษาอังกฤษ: ผมเปิดเพลงเด็กภาษาอังกฤษ หรือการ์ตูนสั้นๆ ให้ลูกดูบ่อยๆ แล้วก็แอบสังเกตว่าเค้ามีปฏิกิริยายังไงบ้าง เค้าสนุกไหม ร้องตามได้บางคำไหม หรือพยายามจะเลียนแบบท่าทางตัวการ์ตูนเวลาพูดภาษาอังกฤษหรือเปล่า ถ้ามีอาการเหล่านี้ ผมว่ามันเป็นนิมิตหมายอันดีเลยล่ะครับ
- การใช้คำศัพท์ที่เรียนมาในชีวิตประจำวัน: อันนี้สำคัญมากสำหรับผมเลย คือไม่ใช่แค่รู้ แต่ต้องกล้าใช้ด้วย เช่น บางทีลูกอยากได้น้ำ เค้าอาจจะพูดว่า “Water, please.” แบบงูๆ ปลาๆ ก็ยังดี หรือเห็นหมาแล้วพูดว่า “Dog!” ออกมาเองโดยที่เราไม่ได้กระตุ้น นี่แหละครับคือสิ่งที่ผมมองหา มันแสดงว่าเค้าเริ่มเชื่อมโยงสิ่งที่เรียนกับโลกรอบตัวได้แล้ว
สิ่งที่ผมพยายามหลีกเลี่ยง
ผมพยายามจะไม่ทำให้การเรียนภาษาอังกฤษของลูกกลายเป็นเรื่องเครียดครับ
- ไม่เน้นถูกผิดแกรมมาร์มากเกินไป: สำหรับเด็กเล็ก ผมว่าการสื่อสารให้เข้าใจสำคัญกว่าแกรมมาร์เป๊ะๆ ถ้าเค้าพูดผิดบ้างถูกบ้าง แต่เราเข้าใจว่าเค้าจะสื่ออะไร ผมก็จะให้กำลังใจ แล้วค่อยๆ สอนแก้ไขทีหลังแบบเนียนๆ ไม่ใช่ไปตำหนิเค้าทันที
- ไม่บังคับให้พูดหรือตอบ: บางทีเด็กก็มีอารมณ์ไม่อยากพูด ไม่อยากตอบ ถ้าเค้ายังไม่พร้อม ผมก็จะไม่ไปคาดคั้น เอาไว้รอจังหวะดีๆ ที่เค้าผ่อนคลายและอยากมีส่วนร่วมดีกว่า
- ไม่เปรียบเทียบกับเด็กคนอื่น: อันนี้ห้ามเด็ดขาดเลยครับ เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการไม่เหมือนกัน การเปรียบเทียบจะทำให้ทั้งเราทั้งลูกเครียดเปล่าๆ
สรุปจากประสบการณ์ของผม
การประเมินผลการเรียนภาษาอังกฤษสำหรับเด็กเล็ก สำหรับผมแล้ว มันไม่ใช่การให้เกรดหรือคะแนน แต่มันคือการสังเกตความก้าวหน้าเล็กๆ น้อยๆ ในแต่ละวัน การดูว่าลูกสนุกกับการเรียนรู้ไหม เขากล้าที่จะใช้ภาษาอังกฤษในการสื่อสารง่ายๆ หรือเปล่า ผมว่าสิ่งเหล่านี้สำคัญกว่าการท่องศัพท์ได้เป็นร้อยคำแต่ไม่กล้าพูดสักคำเสียอีกครับ
ผมจะคอยจดบันทึกสั้นๆ ไว้บ้างว่าวันนี้ลูกพูดคำไหนได้ใหม่ หรือเข้าใจประโยคอะไรเพิ่มขึ้น มันช่วยให้ผมเห็นภาพรวมพัฒนาการของเขาได้ชัดเจนขึ้น แล้วก็เป็นกำลังใจให้ตัวเองด้วยครับว่าสิ่งที่เราพยายามทำมันไม่สูญเปล่า สุดท้ายแล้ว เป้าหมายของผมคืออยากให้ลูกรู้สึกดีกับภาษาอังกฤษ และมองว่ามันเป็นเครื่องมือสนุกๆ ในการเปิดโลกกว้าง ไม่ใช่เป็นยาขมหม้อใหญ่ที่ต้องฝืนกินครับ หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับคุณพ่อคุณแม่ท่านอื่นๆ บ้างนะครับ!
ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ
0 Comments