ประสบการณ์ตรงๆ กับ “วันเด็กภาษาอังกฤษ” ของผม

สวัสดีครับทุกคน! วันนี้อยากมาแชร์ประสบการณ์ตรงๆ ที่ผมลองงมๆ ดูเรื่อง “วันเด็กภาษาอังกฤษ” เนี่ยแหละครับ คือตอนแรกก็คิดง่ายๆ นะ ว่าเออ วันเด็ก มันก็ต้องมีคำภาษาอังกฤษสิ แต่พอจะเริ่มจริงๆ มันก็มีเรื่องให้คิดเยอะกว่าที่คาดไว้ครับ

จุดเริ่มต้นเลยนะ ผมก็สงสัยก่อนเลย

คือคำว่า “วันเด็ก” เนี่ย ถ้าแปลตรงตัวเป๊ะๆ มันจะออกมาเป็นอะไร? “Kid Day”? “Child Day”? ฟังแล้วมันทะแม่งๆ เนอะ ผมก็เลยลองไปค้นๆ ดูตามประสาคนอยากรู้ ก็ไปเจอว่าจริงๆ แล้วสากลเขาใช้คำว่า “Children’s Day” กัน เออ อันนี้ฟังดูเข้าท่าหน่อย ค่อยเหมือนชาวบ้านชาวช่องเขาใช้กัน

แล้วไงต่อ? แค่รู้ชื่อมันยังไม่จบสิ

พอได้ชื่อแล้ว ผมก็มานั่งคิดต่อว่า เอ แล้วถ้าเราอยากจะสอนเด็กๆ หรือพูดคุยเรื่องนี้เป็นภาษาอังกฤษล่ะ มันต้องมีอะไรบ้าง ผมก็เริ่มลิสต์ๆ ดูเลยครับ

• คำศัพท์ง่ายๆ ที่เกี่ยวกับเด็กๆ และความสุข เช่น play (เล่น), fun (สนุก), happy (มีความสุข), gift (ของขวัญ), celebration (การเฉลิมฉลอง)
• คำอวยพรเบสิกๆ เลยก็ “Happy Children’s Day!” อันนี้ง่ายดี เด็กๆ จำได้
• กิจกรรมที่เด็กๆ ชอบทำในวันเด็ก เช่น going to the zoo (ไปสวนสัตว์), getting presents (ได้รับของขวัญ), playing games (เล่นเกม)

ขั้นตอนการลองผิดลองถูกของผม

ตอนแรกลองเอาศัพท์พวกนี้ไปลองพูดๆ กับหลานๆ ดูครับ บางคำเขาก็เก็ทนะ แต่บางทีมันก็ดูแห้งๆ ไปหน่อย ผมก็เลยคิดว่า เอ๊ะ หรือเราต้องทำให้มันมีชีวิตชีวามากกว่านี้ ผมก็เริ่มมองหาพวกเพลงง่ายๆ ที่เกี่ยวกับเด็ก หรือการเฉลิมฉลอง แล้วก็ลองหาวิธีเชื่อมโยงคำศัพท์เข้ากับกิจกรรมจริงๆ คือไม่ได้เน้นสอนแกรมมาร์อะไรเป๊ะๆ นะครับ เน้นให้เด็กมันรู้สึกสนุก แล้วก็คุ้นเคยกับคำศัพท์มากกว่า

ผมสังเกตว่าถ้าเราแค่บอกคำศัพท์ลอยๆ เนี่ย เด็กจะไม่ค่อยอินเท่าไหร่ แต่ถ้าเราชวนเขาเล่นเกม แล้วสอดแทรกคำศัพท์เข้าไป เช่น “Let’s play a game!” หรือ “Are you happy?” อะไรแบบนี้ เด็กจะเปิดรับมากกว่าเยอะเลยครับ

สิ่งที่ผมได้เรียนรู้จากเรื่องนี้

สุดท้ายแล้ว ผมว่าการเตรียมเรื่อง “วันเด็กภาษาอังกฤษ” เนี่ย มันไม่ใช่แค่การแปลคำศัพท์ตรงๆ แต่มันคือการพยายามสร้างบรรยากาศให้เด็กๆ ได้สัมผัสกับภาษาแบบสนุกๆ มากกว่าครับ ไม่ต้องซีเรียสเรื่องความถูกต้องเป๊ะๆ ทุกกระเบียดนิ้วหรอกครับ เอาแค่ให้เขาได้ยิน ได้ลองพูดตาม ได้รู้สึกดีกับภาษาอังกฤษ แค่นั้นผมว่าก็โอเคมากๆ แล้วสำหรับวันพิเศษของพวกเขา

สรุปคือ ผมเริ่มจากความสงสัย ไปสู่การค้นคว้า ลองเอาไปใช้จริง แล้วก็ปรับเปลี่ยนวิธีการไปเรื่อยๆ จนเจอแบบที่คิดว่ามันเวิร์คสุดสำหรับเด็กๆ ครับ ก็หวังว่าประสบการณ์ของผมจะเป็นประโยชน์กับใครที่กำลังหาข้อมูลเรื่องนี้อยู่นะครับ!

ค้นหาคอร์สที่เหมาะกับคุณ